วันพุธที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2553

พืชสมุนไพร

        พืชสมุนไพร เป็นสิ่งที่อยู่คู่คนไทยมานับพันปี แต่เมื่อการแพทย์แผนปัจจุบันเริ่มเข้ามามีบทบาทในบ้านเรา สรรพคุณและคุณค่าของสมุนไพรอันเป็นสิ่งที่เรียกได้ว่าภูมิปัญญาโบราณก็เริ่มถูกบดบังไปเรื่อยๆ  และถูกทอดทิ้งไปในที่สุด
          ความจริงคนส่วนใหญ่ก็พอรู้ๆ กันว่า สมุนไพรไทยเป็นสิ่งที่มีคุณค่าใช้ประโยชน์ได้จริง และใช้ได้อย่างกว้างขวาง แต่เป็นเพราะว่าเราใช้วิธีรักษาโรคแผนใหม่มานานมากจนวิชาแพทย์แผนโบราณที่มีสมุนไพรเป็นยาหลักถูกลืมจนต่อไม่ติด
         ภาครัฐเริ่มกลับมาเห็นคุณค่าของสมุนไพรไทยอีกครั้งด้วยการแถลงนโยบายต่อรัฐสภาไว้เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2535 ว่า  " ให้มีการผสมผสานการแพทย์แผนไทยและสมุนไพรเข้ากับระบบบริการสาธารณสุขของชุมชนอย่างเหมาะสม"
          บทความข้าต้นเป็นส่วนหนึ่งในคำนำของหนังสือ "สรรพคุณสมุนไพร 200 ชนิด" ซึ่งเภสัชกรหญิงสุนทรี สิงหบุตรา เภสัชกรด้านเภสัชสาธารณสุข  หัวหน้าฝ่ายวิชาการ กองเภสัชกรรม สำนักอนามัย กรุงเทพมหานคร ในฐานะผู้รวบรวมและเรียบเรียง ได้บันทึกไว้ ซึ่งต่อมาทางสำนักอนามัยฯ ได้นำหนังสือดังกล่าวขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เพื่อใช้ประโยชน์ในงานของโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริฯ  การนี้ ทางโครงการฯ เห็นว่าเนื้อหาในหนังสือมีคุณค่าและให้ประโยชน์กับผู้ที่ร่วมงานกับโครงการฯ รวมถึงบุคคลทั่วไป จึงได้นำขึ้นเผยแพร่ในเวบไซต์โครงการฯ
          จึงหวังว่าผู้ที่เข้ามาหาข้อมูลและได้อ่านเรื่องต่างๆ ในเวบไซต์นี้คงได้รับความรู้และอาจนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์กับตนเองหรือบุคคลรอบข้างได้ไม่มากก็น้อย..

เมนูอาหาร

สูตรอาหาร : ข้าวเกรียบปากหม้อ

ข้าวเกรียบปากหม้อ
ข้าวเกรียบปากหม้อ เป็นอีกเมนูอาหารไทยขึ้นชื่อที่เราจะมองข้ามไปมิได้ ด้วยวิธีการทำที่มีมากไปด้วยศิลปะ และที่สำคัญรสชาติยังอร่อยถูกปากอีกด้วย เมื่อรู้อย่างนี้แล้วพวกเราควรจะเรียนรู้สูตรอาหาร ว่ามีวิธีการทำอย่างไร
ส่วนผสม
  1. เนื้อหมูสับ 1 ถ้วย
  2. ถั่วลิสงคั่วตำละเอียด 1/2 ถ้วย
  3. หอมแดง 10 หัว
  4. กระเทียม 1 หัว
  5. น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ
  6. น้ำตาลปี๊บ 1/2 ถ้วย
วิธีผัดไส้
  1. ตั้งกระทะใส่น้ำมันประมาณ 2 ช้อนโต๊ะ ใส่น้ำตาล น้ำปลา เคี่ยวสักครู่ แล้วใส่เนื้อหมูยีให้เนื้อหมูกระจาย
  2. โขลกรากผักชี กระเทียม พริกไทย ตักใส่กระทะที่กำลังผัดหมูเอาไว้ ผัดพอแห้งจึงใส่หอมซอยละเอียดเคล้าให้เข้ากัน แล้วใส่ถั่วลิสงป่นผัดจนแห้ง ตักขึ้นพักไว้
วิธีผสมแป้ง
  1. แป้งมัน 2 ช้อนโต๊ะ ผสมกับ แป้งข้าวเจ้า 1 ถ้วย นวดให้เข้ากัน จากนั้นเติมน้ำกะปริมาณดูอย่าให้ข้นเกินไป ใส่เกลือ แล้วกรอง
  2. นำหม้อปากกว้างมาผูกด้วยผ้าขาวบาง ดึงให้ตึง ปล่อยช่องสำหรับให้ไอน้ำออก ใส่น้ำประมาณครึ่งหม้อ นำขึ้นตั้งไฟพอเดือด ใช้ที่ตักแป้งคนแป้งให้ละลายแล้วละเลงบนผ้า อย่าให้หนามากนัก ปิดฝา พอแป้งสุกก็ตักไส้ที่ผัดไว้หยอดลงตรงกลาง แล้วใช้พายจุ่มน้ำแซะปิดไส้ แซะลงในถาด แล้วพรมด้วยน้ำมันกระเทียมเจียว รับประทานกับผักหอม ผักชี พริกขี้หนู

ไม้มงคล

Posted by suta , ผู้อ่าน : 866 , 13:50:44 น.  
หมวด : บ้านและสวน

พิมพ์หน้านี้
โหวต 0 คน

ปลูกไม้มงคลตามวันเกิด ตอน "วันพฤหัสบดี"

คนเกิดวันพฤหัสบดี   จะมีรูปร่างสง่างามทั้งชายและหญิง มีสติปัญญาดีฉลาดหลักแหลมเป็นเลิศ มีความละเอียดลึกซึ้ง ทำงานประณีต สนใจใฝ่หาความรู้สม่ำเสมอ พูดจาฉะฉานมีหลักการ เชื่อในความคิดของตัวเองจนไม่ค่อยยอมรับฟังคนอื่น โกรธง่ายหายเร็ว เมื่อโต้เถียงกับใครอยากเป็นฝ่ายถูกแต่ไม่คิดจะเก็บมาเป็นอารมณ์ เพียงแค่อยากชนะเท่านั้น มีความมุ่งมั่น และตั้งใจสูง ตัดสินใจแล้วยากที่จะเปลี่ยนแปลง มีความทะเยอทะยาน ต้องการทั้งชื่อเสียง เกียรติยศ และฐานะ จะวางแผนอย่างรอบคอบและอดทนรอคอยอย่างใจเย็น

     ชะตาชีวิตจะได้ดีมีเกียรติ มีทรัพย์ แต่จะมีทุกข์เรื่องเพื่อนฝูงหรือคู่ครอง เพราะเป็นคนเจ้าชู้ บริวารไม่ค่อยเชื่อฟัง ชะตาชีวิตต้อยคอยค้ำชูผู้อยู่รอบข้างเสมอ
     ไม้มงคลสำหรับคนเกิดวันพฤหัสบดี ควรเป็นไม้ดอกสีขาวจึงจะต้องโฉลก

  • มะลิ ถือเป็นไม้มงคลที่สูงค่าจึงนิยมใช้บูชาพระ ไม่ว่าจะเป็นมะละซ้อนหรือมะลิลา ก็เป็นสิริมงคลทางด้านทำให้คนในบ้านมีความบริสุทธิ์ มีความรักและความคิดถึงแก่บุคคลทั่วไป

  • จำปี เป็นไม้มงคลอีกชนิดหนึ่งของผู้เกิดวันพฤหัสบดี หากนำมาปลูกในบ้านจะทำให้ชีวิตเจริญรุ่งเรือง การงานก้าวหน้า

  • ราตรี นอกจากจะมีกลิ่นหอมชื่นใจยังให้ความเป็นสิริมงคลดีมาก

  • พุด ไม่ว่าจะเป็นพุดชนิดใดจะส่งผลให้มีความเจริญ มั่นคง แข็งแรงสมบูรณ็ ทั้งสิ้น แต่ควรเป็นพุดชนิดที่ดอกสีขาว
  • มะละกอ 

  • กุหลาบ ควรเป็นดอกสีขาว หากนำมาปลูกเลี้ยงไว้จะทำให้เกิดความสง่างาม ภาคภูมิ

  • แก้ว ท่านว่าปลูกแล้วจะส่งผลให้คนในบ้านนั้นมีความดี มีความสูงค่า มีจิตใจแจ่มใสบริสุทธิ์ดุจแก้ว
.